Translate

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดัดนิสัย เจ้าแมวขี้โมโหกันเถอะ

          จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่เขาว่ากันว่าแมวซนคือแมวฉลาด เพราะความคิดแวบแรกของหลายๆ คนอาจจะรู้สึกอย่างนี้ เวลาเห็นแมวเหมียวตัวน้อยเรียบร้อยน่ารักกลายเป็นเจ้าเหมียวจอมซ่าคึกคะนอง

           แต่นานวันเข้าถ้าคุณรู้สึกว่าอาการเหล่านี้มันชักจะมากเกินไปซะแล้ว ก็จงสันนิษฐานไว้ได้เลยว่าเจ้าเหมียวแสนดีของคุณกำลังจะแปรสภาพเป็นเจ้าเหมียวก้าวร้าวในไม่ช้า

         “ก้าวร้าว” เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับคนและสัตว์ รวมถึงเจ้าเหมียวที่แสนน่ารักของคุณด้วย จริงอยู่ที่พฤติกรรมก้าวร้าวนี้จะเกิดขึ้นในแมวไม่บ่อยนักเมื่อเทียบกับสุนัข ทั้งนี้ก็เพราะ แมวมีลักษณะของการหวงถิ่นหรือการป้องกันตัวเองสูง  ดังนั้น หากวันหนึ่งเจ้าเหมียวของคุณเกิดมีพฤติกรรมลักษณะนี้ขึ้นมาแล้วละก็ เตรียมปวดหัวรอรับความป่วนที่จะตามมาได้เลย

           ต้นเหตุความก้าวร้าว อ๊ะๆ...อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่าพฤติกรรมก้าวร้าวของเจ้าเหมียวเกิดจากอาการติดสัดในช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น เพราะแมวที่ตั้งหน้าตั้งตางับแข้งงับขา ขู่ฟ่อๆ เจ้าของตลอดทั้งปีก็มีให้เห็นอยู่ อาการก้าวร้าวเกิดขึ้นได้กับแมวทุกเพศ ทุกวัย และเกือบทุกสายพันธุ์ ซึ่งสาเหตุหลักๆ เลย คงจะเป็นเพราะมันต้องการคนเล่นด้วย หรือมันกำลังเรียกร้องความสนใจจากเราอยู่นี่เอง แต่บางทีอาการเหล่านี้ก็อาจจะมาจากอาการป่วยของเจ้าเหมียวก็ได้ ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำเมื่อจู่ๆ วันดีคืนดีเจ้าเหมียวของคุณมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากล นั่นคือการพามันไปหาหมอ เพราะอาการป่วยจากข้อต่ออักเสบหรือต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้าเหมียวดูแปลกๆ ไปจากเดิมก็ได้ แต่ถ้าคุณหมอวินิจฉัยแล้วว่าอาการก้าวร้าวที่คุณประสบพบเจอนี้มาจากพฤติกรรมของมันล้วนๆ ก็เป็นงานหนักที่เราจะต้องหาวิธีรับมือแก้ไข ก่อนเจ้าเหมียวที่แสนจะน่ารักจะกลายเป็นเจ้าตัวแสบที่น่าหมั่นไส้ไปซะก่อน
           พฤติกรรมที่เริ่มไม่น่ารัก หลายคนคงอาจจะกำลังสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเหมียวที่บ้านคุณจะเข้าข่าย “ก้าวร้าว”หรือไม่? อันนี้ขอบอกได้เลยว่าสังเกตไม่ยาก คุณลองมองดูว่าเด็กก้าวร้าวเป็นอย่างไร แมวก้าวร้าวก็เป็นอย่างนั้น พฤติกรรมนี้บางทีไม่จำเป็นต้องใช้การสังเกตเลย เพราะแค่คุณเดินไปมาอยู่ในบ้านของคุณเอง เจ้าเหมียวที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายก้าวร้าวก็จะกระโจนเข้างับขาคุณอย่างไม่มีเหตุผล หรือในเวลาที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งลูบขนมันด้วยความรัก แล้วดูท่าทีว่าเจ้าเหมียวก็คงกำลังเคลิ้มอยู่เหมือนกัน แต่ทันใดนั้นมันก็หันมางับมือของคุณ! สาเหตุก็เป็นเพราะมันถูกกระตุ้นมากเกินไป แมวบางตัวจะชอบใจเวลาที่มีใครมาลูบขนลูบตัวในตอนแรก แต่พอนานๆ เข้า ถ้ามันไม่ได้อยู่ในท่าที่สบายตัว มันก็จะแสดงอาการออกมา เช่น กล้ามเนื้อกระตุกๆ โบกหางไปมา หรือส่งเสียงขู่เบาๆ คุณเจ้าของก็ควรจะหมั่นสังเกตไว้บ้างก็ดี เพื่อที่จะได้คอยหลบเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อความก้าวร้าวของเจ้าเหมียวได้ทันท่วงที
           ดัดนิสัยเจ้าเหมียวตัวดี สำหรับคนรักแมวหลายคนแล้ว เมื่อต้องประสบพบเจอพฤติกรรมก้าวร้าวแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลาของเจ้าเหมียวเข้าให้บ่อยๆ ต่อให้รักสุดใจก็ย่อมต้องมีอารมณ์ขึ้นมากันบ้าง 
           วิธีแก้ไขหรือดัดนิสัยเจ้าเหมียว นั้นไม่ยากเลย แต่สิ่งที่คุณเจ้าของจะต้องทำ ก็คงเป็นเรื่องของการหาเวลาให้กับมันบ้าง คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการเล่นกับมันให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมนะว่าพฤติกรรมก้าวร้าวของเจ้าเหมียว ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากมันต้องการหาคนเล่นด้วย เพราะฉะนั้นหากคุณเล่นกับมันบ้างให้เป็นเวลา ก็อาจจะช่วยลดอาการคึกคะนองได้

            หากวิธีข้างต้นยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เจ้าเหมียวตัวดียังคงตั้งหน้าตั้งตางับคุณอยู่ จนอาจจะทำให้คุณหมดความอดทนกับมันเข้าสักวัน สิ่งที่จะบอกนี้สำคัญมาก เพราะไม่ว่าคุณจะรำคาญหรือไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมของเจ้าเหมียวสักแค่ไหน ก็ต้องจำให้ขึ้นใจไว้ว่าอย่าทำโทษมันด้วยการทำร้ายร่างกายมันเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเด็ดขาด! เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจจะทำให้มันแสดงท่าทีก้าวร้าวมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากคุณรู้สึกว่าไม่ไหวละ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่นั้นเสียการปกครองหมด ก็ขอแนะนำว่าให้ลงโทษด้วยการทำเป็นไม่สนใจเวลาที่มันทำผิด แต่ไม่ควรจะเกิน 5 นาที เมื่อเอามันออกมาก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        ทั้งนี้ การจับขังอาจจะดูเป็นวิธีที่ใจร้ายเกินไปสำหรับคนที่รักแมวเข้าไส้ ถ้าอย่างนั้นลองหาปืนฉีดน้ำอันเล็กๆ ที่ขายกันตามแผงร้านขนม มาพกติดตัวก็น่าจะเป็นวิธีที่เวิร์ก เมื่อเจ้าเหมียวของคุณเกิดอาการหมั่นเขี้ยวก้าวร้าวขึ้นมา คุณก็แค่ทำตัวเป็นเสือปืนไว ฉีดน้ำใส่มัน ให้พอรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก มันก็จะหยุดพฤติกรรมดังกล่าว และอาจจะเดินหนีไป พอมันกลับมาใหม่คุณก็แค่จับมันมาอุ้มมาเล่นเหมือนเดิม

          หากวิธีต่างๆ ที่แนะนำมายังใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าเหมียวจอมเกเรของคุณ สุดท้ายก็คงจะต้องพึ่งมือหมอ แมวบางตัวจะสามารถหายจากพฤติกรรมเหล่านี้ได้เมื่อได้รับยา แต่ก็ไม่สามารถทำให้หายขาดได้  อีกวิธีหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างโหดร้ายพอดูสำหรับคนที่รักแมว นั่นก็คือการพามันไปทำหมัน วิธีนี้ยังคงใช้ได้ผลดีอยู่ แต่คุณเจ้าของจะต้องทำใจไว้เลยว่า หลังจากทำหมันแล้วเจ้าเหมียวหุ่นนางแบบของคุณ มันจะอ้วนขึ้น อ้วนขึ้น จนกลายเป็นแมวการ์ฟิลด์ตัวย่อมๆ เลยทีเดียว
ที่มาจาก : women.sanook.com และ thonglorpet.com

โรคลิวคีเมีย ในแมว

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยมีข้อมูลเกี่ยวกับ โรคลิวคีเมียในแมว พอสมควร ข้อมูลบางอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตำราเมื่อสมัยก่อน ถือเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในประเทศไทย

โรคลิวคีเมีย เกิดจากเชื้อไวรัส พบได้ทั่วโลก แต่หลายคนอาจนึกถึงโรคลิวคีเมียในซีรีส์เกาหลีกัน โรคลิวคีเมียเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน

โรคลิวคีเมียในแมว ติดต่อได้อย่างไร

การติดต่อนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากแมวสู่แมว ไม่ว่าจะเป็นทางบาดแผล (จากการกัดกัน), การอยู่ร่วมกันแบบใกล้ชิด (ยกตัวอย่างเช่นการตัดขน, การใช้ภาชนะรองอาหารร่วมกัน หรือการใช้ทรายอนามัยร่วมกัน) หรือจากแม่มาสู่ลูก (ทั้งทางรกและน้ำนม) จำง่าย ๆ ว่า เชื้อไวรัสลิวคีเมียอยู่ใน น้ำลาย, ปัสสาวะ และอุจจาระของแมวป่วย

แมวที่ป่วยเป็นโรคลิวคีเมีย มีอาการอย่างไร

ในระยะแรก แมวอาจมีอาการเพียงแค่มีไข้ เซื่องซึม ท้องเสีย หรืออาจพบต่อมน้ำเหลืองขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นอาจมีอาการอื่น ๆ ได้โดยขึ้นอยู่กับระดับภูมิคุ้มกันในระบบต่าง ๆ อาทิเช่น น้ำหนักตัวลด ช่องปากอักเสบ ภาวะเลือดจาง อาการทางระบบประสาท เนื้องอกที่อวัยวะต่าง ๆ เป็นต้น

แมวที่เสี่ยงต่อ โรคลิวคีเมีย

แมวตัวผู้ ที่ยังไม่ได้ทำหมัน มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสลิวคีเมียค่อนข้างสูง เนื่องจากธรรมชาติของแมวตัวผู้ ที่ชอบออกไปนอกบ้าน ไปต่อสู้กับแมวตัวผู้อื่นๆ เพื่อแย่งแมวตัวเมียกัน หากเป็นแมวเร่ร่อนยิ่งจะมีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสลิวคีเมียสูงกว่า แมวที่เลี้ยงไว้ตามบ้าน

อย่างไรก็ตาม สำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้านอย่างหนาแน่น ก็มีอัตราเสี่ยงสูงไม่แพ้กัน หากมีแมวที่สามารถออกนอกบ้านไปได้ อาจนำเชื้อไวรัสลิวคีเมียกลับมา พอในบ้านมีประชากรหนาแน่น ก็มีอาจมีเรื่องความขัดแย้ง การแย่งกันเป็นใหญ่ รวมถึงความเครียดที่สูงขึ้น อันจะส่งผลให้มีการแพร่ระบาดได้

ระยะฟักตัวของ โรคลิวคีเมีย

ระยะฟักตัวของโรค หมายถึง ระยะเวลาตั้งแต่แมวได้รับเชื้อไวรัสลิวคีเมียเข้าไปในร่างกาย จนแสดงอาการเจ็บป่วย สำหรับ โรคลิวคีเมีย อาจมีระยะฟักตัวได้ตั้งแต่เดือนจนถึงปี ขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แม้ว่าตัวเชื้อไวรัสลิวคีเมียจะส่งผลกระทบต่อระบบเลือด ระบบน้ำเหลือง และระบบภูมิคุ้มกัน แต่ว่าระบบอื่น ๆ ภายในร่างกายนั้นจะไวต่อการติดเชื้อแทรกซ้อนอื่น ๆ อันเป็นผลมาจากภาวะกดภูมิคุ้มกัน

การตรวจวินิจฉัย โรคลิวคีเมียในแมว

การตรวจวินิจฉัยนั้นมีอยู่หลายวิธี การตรวจวินิจฉัยในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะเพิ่มความแม่นยำ แต่อย่างไรก็ดี “ผลบวกลวง” ก็อาจเกิดขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง หากตรวจวินิจฉัยครั้งแรก พบผลบวก ก็มีโอกาสที่ตรวจอีกครั้งจะได้ผลลบ โดยทั่วไปแนะนำให้ตรวจวินิจฉัยซ้ำห่างกัน 8-12 สัปดาห์

หากตรวจวินิจฉัยพบว่าแมวที่เลี้ยงไว้เป็นโรคลิวคีเมีย ควรปฏิบัติอย่างไร

แมวที่วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคลิวคีเมีย อาจสามารถมีชีวิตยืนยาวได้นับปี มีข้อมูลการศึกษาว่า 83% ของประชากรแมวที่ทำการศึกษา มีอายุยืนยาวได้ไม่เกิน 4 ปี ภายหลังจากที่ตรวจวินิจฉัยว่ามีเชื้อไวรัสลิวคีเมีย โดยมีสองปัจจัยที่ควรเข้าใจ นั่นคือควรจะหลีกเลี่ยงความเครียดและการสัมผัสต่อเชื้อโรคอื่น ๆ ดังนั้น จึงไม่ควรให้อยู่รวมกับแมวป่วย หรืออยู่กันอย่างหนาแน่น อย่างไรก็ดี มีข้อมูลว่าหากเลี้ยงแมวที่ป่วยเป็นโรคลิวคีเมียไว้ร่วมกัน จะมีความเครียดน้อยกว่า กักขังให้อยู่เพียงลำพัง

หากพบอาการป่วยเนื่องจากการติดเชื้อแทรกซ้อน ก็ให้รีบทำการรักษา อาจให้ยาปฏิชีวนะ ให้สารน้ำ หรืออาหารที่มีคุณค่าสูง หากพบก้อนเนื้องอก อาจให้การรักษาคีโมร่วมกับให้ยาในกลุ่มสเตรียรอยด์ ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

ยาสำหรับคนที่นำมาใช้กรณีติดเชื้อ HIV มีรายงานว่าประสบความสำเร็จในการใช้ในแมวบ้าง แต่ก็มีผลข้างเคียงพอสมควร รวมถึงยาที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา (ในคน) ก็มีการนำมาทดลองใช้กับแมวที่ป่วยเป็นโรคลิวคีเมีย

การป้องกัน โรคลิวคีเมียในแมว

เนื่องจากไม่มีวิธีรักษา การป้องกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าไม่มีวัคซีนตัวใด ที่สามารถให้ผลสร้างภูมิคุ้มกันในระดับ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเลย โดยเฉลี่ยได้ผลประมาณ 75% – 85% นอกจากนี้ การแยกแมวที่ป่วยเป็นโรคลิวคีเมียออกจากฝูง และไม่ให้ออกไปสู่ภายนอก เป็นการควบคุมการระบาดของโรคลิวคีเมียได้เป็นอย่างดี

สำหรับการผ่าตัดทำหมันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะลดพฤติกรรมการออกไปนอกบ้านของแมวตัวผู้ อันจะเพิ่มโอกาสความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อไวรัสลิวคีเมียได้อีกทางหนึ่ง ด้วย
ขอบคุณที่มา : http://www.zazana.com

สำหรับคนรักแมวจร้า

แมวน่ารัก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

หลายคนที่เลี้ยงแมวคงจะคุ้นเคยกับอุปนิสัยซุกซนและขี้เล่นของเจ้าเหมียวทั้งหลาย แต่คุณจะรู้ไหมนะว่า เจ้าเหมียวน้อยตาบ้องแบ๊วเหล่านี้ยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับตัวพวกมันอีกแยะ บางคนที่เลี้ยงแมวมานานยังเกิดข้อสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมมันทำแบบนั้น อ๊ะ! มันทำแบบนี้อีกล่ะ วันนี้เรามีเรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้ 13 ข้อมาบอกกล่าวผู้เลี้ยงแมวทั้งหลาย รวมทั้งมือใหม่ที่อยากจะเลี้ยงแมวด้วยค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก

สาเหตุที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง

2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย

ส่วนใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่

3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์

เจ้าเหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง

4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้

แมวที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน

5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?

จนถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้


แมวน่ารัก

6. แมวเลือกเสียงครางเวลาจะเล่นกับเจ้าของ

เวลาที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง

7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว

ถ้าใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง

9. แมวไม่ชอบสบตาใคร

พฤติกรรมอย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ

10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว

โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว

11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!

บางทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ

12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน

คุณรู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ

13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?

ถ้าคุณเคยตั้งข้อสงสัยว่า แมวของคุณทำไมถึงทนร้อนได้ดีเหลือเกิน โปรดจงรู้ไว้ว่า นั่นก็เพราะบรรพบรุษของแมวเมื่อครั้งก่อนนู้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายมาโดยกำเนิดนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ อ่านกันมาจนครบทั้ง 13 ข้อแล้ว คงจะพอช่วยให้คุณ ๆ ผู้เลี้ยงแมวทั้งหลายได้ทราบเรื่องราวของเจ้าเหมียวแสนซนได้มากขึ้น นอกจากตัวคุณเองจะแฮปปี้ขึ้นแล้ว เจ้าเหมียวก็คงแฮปปี้ขึ้นไม่น้อยที่เจ้าของเข้าใจมันมากขึ้นเช่นกันจ้า